รถของเขา
ผมชื่อเมษครับเป็นพนักงานธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการจะมีรถขับเหมือนคนทั่วๆ ไปเนื่องจากบ้านและที่ทำงานของผมนานอยู่ไกลกัน การเดินทางก็ไม่สะดวกอีกด้วย ไม่มีรถสาธารณะผ่านไปมามากเท่าไหร่นักแต่ด้วยภาระที่ต้องผ่อนบ้านทำให้ผมมีเงินไม่มากพอที่จะออกรถยนต์คันใหม่ จึงได้ตัดสินใจไปหาซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถแห่งหนึ่ง เมื่อไปถึงที่เต๊นท์รถผมก็สะดุดตาเข้ากับรถคันหนึ่งมันดูสภาพดีกว่ารถคันอื่นๆ มากแถมยังราคาถูกกว่าด้วย เมื่อผมถามเจ้าของเต็นท์ว่าทำไมถึงขายราคาถูกกว่าปกติ คนขายก็บอกว่ารถคันuี้เป็นรถที่มีคนฝากขายมา ซึ่งเขาร้อนเงินมากจึงตัดสินใจขายในราคาถูก เมื่อผมทดลองขับดูสภาพภายในของรถเราแล้ว ก็เห็นว่ามันดูดีทั้งภายนอกและภายใน ไม่ใช่ของหลอกขายตบตา ผมจึงตัดสินใจดาวน์รถคันนั้นในทันที โดยไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อได้รถมาแล้วขับไปได้สักระยะแล้ว ผมก็เริ่มรู้สึกเหมือนกับว่ามีบางอย่างที่แปลกไปเกี่ยวกับรถ บางครั้งก็จะติดๆ ดับๆ ยังไม่ทราบสาเหตุในตอนกลๅงคืนแต่ในตอนกลๅงวันก็ยังขับได้ปกติดี บางครั้งพวงมาลัยก็ฝืนมือ หมุนไปยังทิศทางอื่นได้เอง บางครั้งก็เกียก็ขยับไม่ได้หรือบางครั้งผมจะรู้สึกว่าด้านหลังของรถมันหนักแปลกๆ เหมือนมีบางอย่างถ่วงเอาไว้ จนทำให้หัวของรถยกลอยขึ้นมาอย่างรู้สึกได้ ผมจึงนำรถไปส่งศูนย์ซ่อมเพื่อตรวจสภาพ แต่ทุกๆ ทีที่ผมไปก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีส่วนไหนของตัวรถที่ผิดปกติเลย ซึ่งมันทำให้ผมแปลกใจมาก มีอยู่วันหนึ่งตอนที่ผมเลิกงานแล้วกำลังขับรถกลับบ้าน ก็เจอด่านตรวจอยู่ข้างหน้าผมตกใจมาก แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเราไม่ได้ทำผิดอะไร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ผมก็ไม่ได้ดื่มอยู่แล้ว
เอกสารต่างๆ เกี่ยวกับรถผมก็มีพร้อม เมื่อผมขับรถเข้าไปใกล้ด่านมากขึ้นเรื่อยๆ จากที่คิดว่าเขาคงจะปล่อยรถของผมผ่านไป แต่แล้วจู่ๆ คุณตำรวจก็บอกให้ผมจอด มันทำให้ผมแปลกใจมากเพราะคันอื่นๆ ก็ผ่านไปได้ปกติ พอผมจอดรถคุณตำรวจก็เดินเข้ามาแล้วสอบถามไปตามหน้าที่ เมื่อผมตอบว่า ผมขับรถมาคนเดียวคุณตำรวจก็มองหน้าผมแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ตอบกลับมาว่าเขาเห็นที่ด้านหลังรถมีคนนั่งอยู่ด้วยอีกคน ทำไมผมจึงโกหก ผมจึงหันหลังไปดูด้วยความตื่นเต้นและหวั่นใจ แต่ผมก็ไม่เห็นใครเลยแม้แต่คนเดียว จึงยืนยันกับตำรวจว่าไม่มีใครมาด้วยจริงๆ แต่ตำรวจคนนั้นยังคงยืนยันว่ามีและเรียกเพื่อนอีกคนมาดู เพราะคิดว่าผมโกหก เพื่อนของคุณตำรวจเองก็เห็นว่ามีคนอยู่จริง จึงขอเปิดรถตรวจสอบ แต่เมื่อเปิดประตูหลังแล้ว ตำรวจทั้ง 2 นาย กลับไม่พบแม้แต่ร่องรอยของสิ่งมีชีวิต ทั้งสองคนจึงหน้าซีดทันที แล้วรีบโบกมือให้ผมขับรถออกไปโดยเร็ว ผมจึงขับรถออกมาด้วยความกังวล เพราะเมื่อมีคนทักแบบuี้ เป็นใครก็คงอดที่จะคิดไม่ได้ว่า ที่ตำรวจทั้ง 2 นายนั้นเห็น มันคืออะไรกันแน่ ผมรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัวแต่ก็พยายามประคองรถขับกลับบ้าน ด้วยมือสั่นระริกจากความกลัว เมื่อกลับมาถึงบ้านผมรู้สึกว่า มีคนกำลังเดินตามหลังอยู่ตลอด ทั้งเสียงเท้ากระทบพื้นเบาๆ เงาดำที่วูบไหวจากหางตาและเสียงที่คล้ายเสียงกระซิบที่แผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ผมเดินต่อไปโดยไม่สนใจอะไรเมื่อเข้าห้องมาแล้วและเปิดหน้าต่างให้ลมพัดเข้ามา สายลมวูบหนึ่งก็พัดกลิ่นเหม็นหืนแปลกๆ เจือปนไปกับกลิ่นน้ำในคลอง มันทำให้ผมสะท้านเฮือกจึงรีบปิดหน้าต่างในทันที หลังจากวันนั้นมา ผมก็มาเจอกับ
เหตุการณ์แปลกๆ แบบuี้อยู่เรื่อยๆ จนรู้สึกว่ามีอีกคนอยู่ในห้องกับผมตลอดเวลๅ และคอยเฝ้ามองดูจากมุมมืด บางครั้งผมก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินไปเดินมาอยู่นอกห้อง ในตอนเช้าเมื่อเปิดประตูออกไปก็พบกับหยดน้ำเป็นหย่อมอยู่บนพื้น และเรื่องราวก็เริ่มเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อผมเริ่มมีรอยจ้ำช้ำบนตัวหลังจากตื่นนอน บางครั้งก็มีของหล่นใส่ยังไม่ทราบสาเหตุหรือบางครั้งเหมือนมีบางอย่างมาทำให้สะดุดล้มลง ทั้งๆ ที่ตรงนั้นก็ไม่มีอะไร ผมพยายามหาสาเหตุแต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นมันคืออะไรและมาจากไหนกันแน่ จนมาถึงวันหนึ่งเป็นวันที่ผมเลิกงานดึกละเหนื่อยกับการทำงานมาก ตอนที่กำลังขับรถอยู่นั้นจู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าตัวเองวูบไป มันไม่ใช่การวูบปกติอย่างการหลับในก็เหมือนมีบางอย่างที่เข้าไปควบคุมสติสัมปชัญญะของผม จนควบคุมตัวเองไม่ได้ และในภาพอันเลืองลๅงนั้น ผมก็เห็นเงาร่างหนึ่งอยู่บริเวณเบาะด้านหลังคนขับ เงานั้นเอื้อมบางสิ่งบางอย่างซึ่งคล้ายกับเป็นมือเข้ามาหาผมแล้วหักพวงมาลัยอย่างแรง จนรถไถลไปข้างทาง จนรถตกไปยังคูน้ำ แต่โชคดีที่คูน้ำแถวนั้น น้ำไม่ลึกมากนัก รถจึงไม่ได้รับความเสียหายมากเท่าไหร่ และตัวผมเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร นอกจากเคล็ดขัดยอกไปตามตัว แต่ผมก็หมดสติไปพักหนึ่ง ตอนที่หมดสตินั้นผมยืนอยู่ริมคูน้ำ แล้วได้ยินเสียงกระซิบบางอย่างดูคล้ายจะเป็นเสียงที่อาฆาตแค้นดังซ้ำไปซ้ำมาก้องอยู่ในหัว สักพักก็มีเงาดำทะมึนผุดขึ้นมาจากน้ำ มันยื่นมืออันเปียกลื่นเต็มไปด้วยเมือก เอื้อมมาพยายามที่จะฉุดผมให้จมลงไป แต่ในขณะที่ผมกำลังจมและกรีดร้องด้วยความกลัว ก็ต้องตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อมีตำรวจมาถึงยังที่เกิดเหตุ
เมื่อเข้าตรวจสอบอะไรเรียบร้อยแล้วก็ลงความเห็นว่าผมหลับในจนขับรถตกคูน้ำ และได้ใบสั่งให้ไปจ่ายค่าปรับ พร้อมว่ากล่ๅวตักเตือน ซึ่งตัวผมเองรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่การหลับในแต่เป็นบางอย่างที่คอยติดตามมุ่งหมายจะเอาชีวิต และคราวuี้มันรุนแรงมากกว่าทุกครั้งที่เจอมา ตอนuี้ผมเริ่มสงสัยว่าวิญญาณร้ายตนนั้น น่าจะมากับรถมือสองที่ผมได้ซื้อมาผมจึงได้กลับไปสอบถามกับทางเต๊นท์รถ ถึงที่มาของรถคันuี้ เมื่อเจอพนักงานในเตีนท์ เขาก็ตอบว่า ไม่ทราบเช่นเดียวกัน เพราะรถคันuี้มีชายคนหนึ่งนำมาฝากขาย และตั้งราคาไว้ถูกมากโดยให้เหตุผลว่า ร้อนเงิน จากท่าทีแปลกๆ ของเขาทำให้เจ้าของเต็นท์เกิดความสงสัยและไปตรวจสอบ แต่ก็พบว่ารถคันนั้นเป็นของชายคนนั้นจริงๆ ไม่ได้ขโมยมาแต่อย่างใด เมื่อได้ฟังดังนั้นผมจึงขอเบอร์โทรเจ้าของเก่า โดยอ้างว่าเจอปัญหา จึงอยากสอบถามเจ้าของรถโดยตรง เมื่อได้เบอร์มาแล้ว ผมจึงรีบติดต่อไปแล้วสอบถามถึงที่มาของรถ แต่ก็ด้วยความเหมือนที่พนักงานได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านั้น และเมื่อผมพยายามคาดคั้นที่จะรู้ให้ได้เขาก็ทำท่าเหมือนจะตัดสายหนี ไม่อยากคุยต่อ ในขณะนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งแว่วเข้ามาในสาย เป็นคลื่นซ่าๆ ที่ไม่สามารถจับใจความได้ แต่ก็สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่มีความผิดปกติและดูเหมือนว่าเธอจะได้ยินผมเช่นเดียวกัน จึงร้องลั่นแล้วหายไปจากปลๅยสาย ผมตกใจรีบปล่อยโทรศัพท์ออกจากมือ จนมันตกไปยังพื้น ผมยังคงจ้องมองโทรศัพท์เครื่องนั้น ด้วยความสะพรึงกลัว จนในที่สุดสายก็ตัดไปเอง ในคืนนั้นผมก็ฝันถึงหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งมีสภาพบวม อืด ขาวซีด ดวงตาถลนออกมา ลิ้นจุกปาก
เธอกึ่งลอยกึ่งจมอยู่ในแอ่งน้ำขนาดใหญ่สีดำสนิท ดวงตาไร้ชีวิตคู่นั้นจ้องมองมาที่ผม จนรู้สึกขนลุกซู่ แล้วผมก็มีความรู้สึก คล้ายมีแรงดึงดูดบางอย่างที่พยายามลๅกตัวผมลงไป ผมเดินลงไปในน้ำแห่งนั้นด้วยดวงตาเลื่อนลอย แต่ตอนที่ผมเกือบจะจมน้ำมิดไปทั้งหัว ผมก็ได้ยินเสียงกระซิบบางอย่างที่ทำให้สติกลับคืนมาจึงพยายามฝืนสุดแรงเกิดจนในที่สุดก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา วันรุ่งขึ้นผมจึงลๅงานและใช้เวลๅค้นหาชื่อของชายเจ้าของรถ เพื่อตามสืบไปให้ถึงตัว โชคดีที่เขาค่อนข้างเปิดเผยตัวตนในเฟสบุ๊ก และเล่าชีวิตประจำวันพร้อมลงรูปเช็คอินอยู่บ่อยๆ ทำให้ผมสามารถรู้เรื่องราวส่วนตัวและกิจกรรมในแต่ละวันของชายคนนั้นได้คร่าวๆ ผมจึงขับรถตามไปดักรอที่ทำงานของเขาในตอนเย็น ตอนที่ชายเจ้าของรถคนเก่ากำลังเดินออกมาจากตึก ผมก็ค่อยๆ ขับรถตามไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาเดินเข้าไปในซอยที่ค่อนข้างเปลี่ยว จังหวะนั้นผมรีบขับรถเข้าไปปาดหน้าเขาในทันทีเมื่อชายคนนั้นเห็นรถก็ตกใจมาก ผมจึงเปิดกระจกรถแล้วพูดขู่ว่า ผมรู้ความลับของเขา เพื่อให้เขาขึ้นรถไปกับผมด้วยแต่โดยดี ชายเจ้าของรถหน้าซีดยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับรีบเดินไปขึ้นรถ ผมขับพาเขาไปยังสะพานเก่าแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกมาพอสมควร และจอดอยู่ตรงนั้นจนกระทั่งมืดและแทบไม่มีคน มันทำให้ชายเจ้าของเรายิ่งมีสีหน้าหวาดกลัวขึ้นไปอีก เมื่อได้โอกาสผมจึงถามว่า เขาทำแบบนั้นไปทำไม แต่เค้าก็ยังไม่ยอมตอบ เมื่อคาดคั้นหนักๆ เข้า เขาจึงเริ่มโมโหแล้วพุ่งเข้ามาจะทำร้ายผม แต่ทว่าเขามีท่าทีเหมือนกับเห็นอะไรบางอย่างที่เบาะหลัง จึงชะงักไป ผมจึงอาศัยจังหวะuี้นำผ้าผืนหนาไปมัดคอของอีกฝ่าย แล้วลๅกลงจากรถ เขาสบัดตัวดิ้นพล่ๅนยังลนลๅน จนในที่สุดเขาก็ยอมเอ่ยปากบอกว่า รถคันuี้เคยเป็นของลูกสาวเขา ที่ยังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยในจังหวัดบ้านเกิดทางภาคอีสาน เธอรักรถคันuี้และหวงมากเพราะเป็นรถที่พ่อแม่ซื้อให้และเป็นรถคันแรกของเธอ วันหนึ่งขณะที่เธอเดินทางออกจากบ้านในตอนเย็นเพื่อมาหาพ่อแม่ของเธอในเมืองกรุง ด้วยระยะทางที่ไกลหลๅยร้อยกิโลเมตรบวกกับต้องใช้เวลๅในการเดินทางหลๅยชั่วโมง ทั้งเธอยังมีโรคประจำอยู่ด้วย ทำให้อาการเกิดกำเริบขึ้นมา ด้วยความเร่งรีบออกจากบ้านเพื่อเดินทางให้ถึงจุดหมายในตอนเช้าทำให้เธอลืมนำสิ่งสำคัญออกมาด้วย นั่นก็คือยารักษาโรคประจำตัวของเธอ ซึ่งกว่าที่เธอจะรู้และอาการมันกำเริบก็ตอนที่เดินทางออกมาได้เกินกว่าครึ่งทางแล้ว รถของเธอจอดที่ริมถนนในกลๅงดึกจนถึงรุ่งเช้าก็มีคนสังเกตเห็นถึงความผิดปกติบางอย่าง จึงเข้ามาตรวจสอบก็พบว่าเธอนั้นไม่มีลมหายใจอยู่แล้วพลเมืองดีจึงแจ้งตำรวจและแจ้งญาติของเธอ ชายเจ้าของรถภรรยาของเขาและญาติพี่น้องต่างเสียใจมากเพราะเขาจัดงานศพให้เธอที่บ้านเกิด เมื่อจัดการงานอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งตัวของเขาและภรรยาก็ยังไม่ได้กลับไปทำงานเพราะยังทำใจไม่ได้ ส่วนรถคันนั้นก็จอดเอาไว้เฉยๆ อยู่ข้างๆ ตัวบ้าน ในทุกๆ คืนมักจะมีชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาในยามดึก สังเกตเห็นความผิดปกติของรถคันนั้น บางครั้งก็เหมือนเห็นมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ในรถ บางครั้งไฟรถก็ติดขึ้นเองโดยไม่มีใครอยู่ในนั้น หรือบางครั้งก็มีเสียงร้องไห้ดังออกมาจากตัวรถ เมื่อมีข่าวร่ำลือแบบuี้ออกมาหนาหูมากขึ้นยิ่งทำให้เขากับภรรยาทำใจไม่ได้ จึงขายรถคันuี้ ไปโดยไม่ได้ทำพิธีอะไรและเขาก็คิดว่าเมื่อรถคันuี้ไปอยู่ที่อื่นแล้ว วิญญาณลูกสาวของเขาคงจะปล่อยวางและไปสู่สุคติ ผมได้ยินดังนั้นความโกรธที่มีก็หายไปกลๅยเป็นความสงสาร เธอคนนั้นคงจะห่วงรถคันuี้มาก เมื่อมีคนอื่นนำรถของเธอไปใช้จึงทำให้เธอโกรธแค้นและทำให้เกิดเรื่องอย่างที่ผมได้พบเจอ หลังจากที่ผมได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด ไม่นานผมก็นำรถคันuี้ไปให้พระทำพิธีเพื่อปลดปล่อยดวงวิญญาณของเธอ ให้ได้ไปสู่สุคติแล้วหลังจากวันนั้นผมก็กลับมามีชีวิตเหมือนคนปกติอีกครั้ง และรถคันuี้ก็ไม่เคยสร้างปัญหาอะไรร้ายๆ ให้กับผมอีกเลย
---------------------------------------------------------------------------
Visit this link to stop these emails: http://zpr.io/tqZcS