
จะยอมเป็นกิ๊กลับๆ หรือเป็นเมียน้อย ของชายมีครอบครัวไหม,จะยอมเป็นกิ๊กลับๆ หรือเป็นเมียน้อย ของชายมีครอบครัวไหม    
 
                                          
                                    
        ได้ยินคำถามประหลาดๆจากเพื่อนผู้ชายประมาณว่า   ถ้าวันหนึ่งเราหันไปคุยกับผู้หญิงอีกคน แม้ตัวเองมีภรรยาแล้วจะผิดหรือไม่?   ฟังแล้วไม่ได้อึ้งอะไรหรอก เพราะรู้ว่า   อย่างไรซะมนุษย์ก็เป็นสัตว์สังคมที่ต้องพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันซึ่งอาจเป็นเพื่อนต่างเพศก็ได้   จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโต
    แต่คำถามของเจ้าเพื่อนผู้ชายคนนี้ไม่ได้หมายความถึงการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนที่เป็นเพื่อนกันจริงๆสักหน่อย   เพราะ เค้าหมายถึงการพูดคุยกับ "กิ๊ก" หรือ   ผู้หญิงอื่นที่เค้าเริ่มปันใจไปให้ นั่นเอง
    โอ๊ะโอ…ถ้าเป็นการพูดคุยกับ   "กิ๊ก" ฟังแล้วไม่ค่อยดีใจด้วยเท่าไหร่   เพราะเมอร์ลินเชื่อเรื่องความซื่อสัตย์และความไว้วางใจกันของคู่รักมากกว่า   กรณีที่เพื่อนชายคนนี้ไปคุยกับสาวอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา   ถ้าคุยกันเฉยๆก็ไม่ว่าอะไร แม้ไม่เหมาะสมเท่าไหร่แต่ก็ช่าง   ทั้งๆที่มีผู้คนมากมายในชีวิตจริงที่ใช้วิธีพูดคุยกับ "คนอื่น"   ที่ไม่ใช่แฟนตัวเองเยอะแยะไป
    เรื่องนี้ขึ้นกับใจ   ใครจะเป็นอย่างไหนก็ตามใจละกัน   ผู้เขียนคงเป็นแค่เสียงค้านเล็กๆที่ยังเชื่อในเรื่อง   ชีวิตคู่นั้นต้องมีพื้นฐานของความซื่อสัตย์และไว้วางใจกันในระดับหนึ่ง   มันถึงจะเป็นความรักที่แท้จริงเท่านั้น
    เจ้าเพื่อนผู้ชายคนเดิมเล่าต่อไปด้วยว่า   เค้าได้ขอมีอะไร (เขียนเท่านี้คงเข้าใจกันนะว่า   มีอะไรนั้นหมายถึงอย่างไร?) กับผู้หญิงคนที่พูดคุยด้วย นั่นปะไร   อดใจไม่ไหวก็บอกมาเหอะ พร้อมกับชักชวนสาวคนนี้มาคบกันเป็นกิ๊กลับๆ   (จะลับกันได้นานแค่ไหนเชียว) นั่นแน่ะ ถลำลึกไปไกลแล้วไหมล่ะ   เจ้าเพื่อนผู้ชายบอกว่า สาเหตุที่ขอมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้   เพราะเค้าไม่ค่อยได้โล้สำเภา (คำในละครสุดฮิตเรื่องบุพเพสันนิวาส)   กับแฟนตัวจริง แต่ไม่ได้บอกว่า ทำไมถึงไม่ค่อยได้โล้สำเภากับแฟนเล่า?
    จึงต้องมาคุยกับผู้หญิงอื่น แล้วชวนเค้ามาเป็นกิ๊กเพื่อจะได้โล้สำเภากับหล่อนเนี่ยนะ!
    ฟังแล้วอดคิดในใจ   ไม่ได้ว่า เจ้าเพื่อนผู้ชายคนนี้มันเห็นแก่ตัวและเจ้าชู้จังแฮะ   นอกจากอยากพูดคุยกับสาวคนอื่นยังไม่พอ   นี่ถึงขนาดอยากชวนหล่อนมาโล้สำเภาด้วยอีก โอ้ย…เป็นคนที่มักมากไปแล้ว   ไม่ใช่นิดหน่อยนะ แต่ทันใดนั้นเพื่อนก็ตีหน้าเศร้าเล่าว่า   ทางฝ่ายผู้หญิงคนนั้นกลับไม่เล่นด้วย "บอกเป็นไปไม่ได้ที่จะโล้สำเภากับผม"   นี่ยังดีนะที่ผู้หญิงอีกฝ่ายบอกปฏิเสธไป แสดงว่าหล่อนยังมีสติอยู่บ้าง   ไม่ใช่เอะอะพอถูกฝ่ายชายที่คุยด้วยชวนก็ตามใจเค้า ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่า   เค้ามีแฟนอยู่แล้วทั้งคน!
    อย่างนี้ควรสรรเสริญการตัดสินใจของสาวคนนี้เนอะ   อย่างน้อยหล่อนก็กล้าหาญ โดยเฉพาะกล้าปฏิเสธความมักง่ายของชายที่มีแฟนแล้ว   แม้หล่อนจะยอมพูดคุยกับเค้า แต่ก็ขอหยุดไว้ที่การพูดจาก็พอ!
    สังคมที่บูดเบี้ยววันนี้   ต้องการผู้หญิงที่กล้าบอกปัดในสิ่งที่สมควรปฏิเสธอย่างนี้   ได้ยินก็ดีใจมากที่ฝ่ายหญิงสามารถห้ามใจตัวเองไม่ให้เลยเถิดได้   ไม่สมรู้ร่วมคิดกับฝ่ายชายให้เขาทั้งนอกใจและนอกกายภรรยาถือเป็นมิติที่ดีงามในเรื่องความสัมพันธ์ที่อยากได้ยินมานานแล้ว
    ทีนี้หากผู้หญิงคนใดไม่อยากเป็นกิ๊กกับใคร   หรือแม้แต่เป็นกิ๊กไปแล้ว   ทว่าไม่ได้อยากถลำตัวลงลึกไปถึงการต้องโล้สำเภากับเค้า   คุณก็ควรออกตัวเปิดเผยความในใจของคุณให้เค้าได้รับรู้ไปเลยตั้งแต่แรก   ไม่ต้องอ้อมค้อม หรืออ้อมไปอ้อมมาเพื่อยังทำให้เค้ามีความหวังอยู่เรื่อยๆ
    งั้นขอแนะนำอย่างนี้แล้วกัน 
    1.   สำหรับผู้หญิงที่ชอบติดต่อพูดคุยกับผู้ชายอื่นที่เค้ามีเจ้าของแล้ว   ลองถามใจตัวของคุณเองสักหน่อยนะว่า คุณอยากเป็นกิ๊กทั้งทางวาจา, การสนทนา   และทางร่างกายด้วยหรือเปล่า?
    ถ้าคุณไม่เห็นใจว่า   ภรรยาและลูกของเค้าจะชีช้ำระกำใจแค่ไหน? คุณก็คงบอกว่า ฉันไม่แคร์   แล้วพอเค้าชวนไปโล้สำเภากัน คุณก็คงยินดีปรีดาไปด้วยสินะ   สาวที่ตามใจชายมีเยอะ
    ไม่อยากบอกเลยว่า   คุณปล่อยให้เค้าเข้ามาในชีวิตของคุณง่ายไปหน่อย "กิ๊ก" บางคู่   พอต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตัวเองพอใจก็จากกันไปคนละทิศละทาง
    แต่ถ้าบางคู่ไม่เป็นแบบนั้นล่ะ   เนื่องจากฝ่ายชายพอได้ในสิ่งที่ตัวเองหวังไว้แล้ว   ก็อยากทิ้งกิ๊กคนเดิมเพื่อไปแสวงหากิ๊กคนใหม่ก็มี   โอ้ย…อย่างนี้ฝ่ายหญิงหากใครโดนทำอย่างนี้แล้วไม่พอใจ   เพราะอยากจะอยู่กับเค้านานๆ ย่อมรู้สึกไม่ดีด้วยแน่ๆ   การเป็นแค่กิ๊กไม่ได้มีอะไรการันตีว่าจะมั่นคงถาวรอะไรอยู่แล้วล่ะ   เหตุนี้ถ้าเค้าทิ้งเธอหลังจากได้ในสิ่งที่เค้าต้องการแล้ว   ฝ่ายหญิงจะไปทำอะไรได้? ถ้าคุณดันมีใจให้อีตาคนนี้ ฝ่ายหญิงก็จะมีแต่คำว่า   เจ็บๆๆ แถมไม่ทราบว่าเจ็บแล้วจะจำไหม?
    2.แต่กับผู้หญิงที่ยังรู้จักรักนวลสงวนตัว   แม้มีการพูดคุยกับฝ่ายชายที่มีลูกมีเมียแล้วบ้าง แต่ไม่ถลำลึก   ก็ขอดีใจด้วยที่คุณไม่ใช่แค่สิ่งสวยงามที่   "รอให้เค้าเชยชมแล้วก็เด็ดทิ้งไป"
    ทว่า   คุณเป็นคนควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆตัวของคุณเองมากกว่า ผลลัพธ์ที่ได้คือ   คุณจะรู้สึกแฮปปี้กับตัวเองที่ไม่ไปทำให้ภรรยากับลูกของฝ่ายชายเสียอกเสียใจ   ไม่ต้องกลัวว่าลูกเมียเค้ารู้แล้วจะดักมาตบตีคุณ แถมไม่ผิดศีลธรรมด้วย   ดังนั้น ก่อนทำอะไร คิดไตร่ตรองให้ดีก่อนเถอะ.
    ขอบคุณแหล่งที่มา : เมอร์ลิน
     
     
                                          ,ได้ยินคำถามประหลาดๆจากเพื่อนผู้ชายประมาณว่า ถ้าวันหนึ่งเราหันไปคุยกับผู้หญิงอีกคน แม้ตัวเองมีภรรยาแล้วจะผิดหรือไม่? ฟังแล้วไม่ได้อึ้ง...